"""ได้แชมป์สมาคมโลก! ฟีร์มีโนซัดช่วงต่อเวลาพาลิเวอร์พูลเชือดฟลาเมงหรู 1-0
หงส์แดงจำเป็นจะต้องสู้กระทั่งช่วงต่อเวลาพิเศษกว่าจะมาได้ประตูชัยจากดาวยิงบราสิเลียน แล้วก็ซิวแชมป์คลับเวิลด์คัพไปในที่สุด
บอลสมาคมสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างชาติ คลับ เวิลด์คัพ 2019 รอบชิงแชมป์นัดนี้เป็นการเจอะกันระหว่าง หงส์แดง และจากนั้นก็ ฟลาเมงหรูหรา ณ สนามติดอยู่ลิฟา อินเตอร์เนชันแนล สเตเดี้ยม
ฝั่งหงส์แดง วันนี้มาในแผน 4-3-3 โดยวางโมฮัมเหม็ด ซาลาห์, โรกางร์โต้ ฟีร์มีโน แล้วก็ซาดิโอ มาเน เป็นสามประสานในแนวรุก
ทางด้านฟลาเมงหรูหรา เลือกจัดกองทัพในระบบ 4-2-3-1 โดยมีกาเบรียล บาร์โบซา หัวหอกตัวยืมจากอินเตอร์ มิลาน เป็นความหวังในดินแดนหน้า
ตอน 45 นาทีแรก เป็นทางด้านกลุ่มดังจากบราซิลที่ทำเป็นเหนือกว่าทั้งยังการมีไว้ในครอบครองบอล รวมทั้งหนทางทำคะแนน แต่ว่าไม่สามารถที่จะจ่ายบอลไปกองตูดตาข่ายได้ ทำให้จบครึ่งแรกโดยที่สกอร์ยังเท่ากันอยู่ 0-0
ตอนพักหลัง รูปเกมก็ค่อนข้างจะใกล้เคียงกัน และก็เกมทำท่าว่าจะจบ 90 นาทีด้วยผลเสมอแบบไม่มีอะไร
จนกระทั่งนาทีที่ 90+1 ลิเวอร์พูลก็แทบจะมาได้จุดลูกโทษจากจังหวะที่มาเนโดนเตะล้มบริเวณก้ำกึ่งจะเป็นในกรอบจุดลูกโทษ ก่อนที่จะผู้ตัดสินจะขอเช็ค VAR รวมถึงให้เป็นเพียงฟรีคิก จบ 90 นาที ยังเสมอกัน 0-0 ข่าวกีฬาวันนี้ ทำให้จำเป็นต้องเลื่อนเวลาพิเศษเตะกันต่อ
ช่วงต่อเวลาพิเศษ ลิเวอร์พูลก็โหมบุกอย่างมากเพื่อหวังจะเบิกสกอร์แรกให้ได้ และมาทำสำเร็จในนาทีที่ 99 จากจังหวะที่มาเน่จ่ายให้ฟีร์มีโนสัมผัสหลบแนวรับฟลาเมงเริดแล้วซัดเข้าไปไม่พลาด ส่งให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0
ตอนที่เหลือไม่มีอะไรเกิดขึ้น จบเกม หงส์แดง ชนะ ฟลาเมงเก๋ 1-0 ครอบครองแชมป์สมาคมสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างชาติ คลับ เวิลด์คัพ ไปครอบครองเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
ไม่ยอมแพ้ลุ้นแชมป์! เรือใบโดนก่อนรัวคืนสุนัขจิ้งจอก 3-1
ทัพเรือใบสีฟ้าที่โดนนำไปก่อนกลับเรื่องรัวกลับมาเอาชนะสุนัขจิ้งจอกไทยไปได้ 3-1 ไล่จี๋เหลือแต้มเดียว
พรีเมียร์ลีกคู่บิ๊กแมตช์รายสัปดาห์ที่ 18 เจ้าของบ้านแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลุ่มชั้น 3 เกมนี้มาในระบบ 4-3-3 เอแดร์ชอน ลงเฝ้าเสา แผงแบ็คโฟร์ ไคล์ วอล์คเกอร์, นิโคลัส โอตาเมนดี้, แฟร์นันดินโญ และ เบนฌาแม็ง เมนดี้ แผงกองกลาง เควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกัน รวมทั้ง กางร์ที่นาร์โด้ สิลวา แนวรุก ริยาด ภูตผีปีศาจเรซ, กาเบรียล เชซุส และก็ ราฮีม สเตอร์ลิง
ทางฝั่งเลสเตอร์ สิตี้ รองหัวหน้าฝูงจัดกองทัพในระบบ 4-1-4-1 แคสเปอร์ ชไมเคิล ลงเฝ้าเสา แนวรับ ริคาร์โด้ เปเรย์รา, จอนนี อีแวนส์, คักลาร์ โซยุยงนคู รวมทั้ง เบน ชิลเวลล์ ดินแดนกึ่งกลาง วิลเฟร็ด เอ็นดีดี้, ยูริ ติเตียนเลอม็องส์ และก็ เจมส์ แมดดิสัน แนวรุก อโยเซ เปเรซ และ ฮาร์วีย์ บรานส์ ทำเกมขอบเส้นโดยมี เจมี วาร์ดี้ เป็นกองหน้าตัวเป้า
เจ้าของบ้านได้ลุ้นในนาที 13 จากจังหวะที่ ริยาด ซาตานเรซ เก็บบอลสุดเส้นฝั่งขวาก่อนเฉือนเข้าตรงกลางให้ เควิน เดอ บรอยน์ ได้กดด้วยขวา บอลพุ่งเข้าชนเสาแรกออกไป
แมนฯสิตี้ได้ลุ้นอีกครั้งนาที 15 ริยาด ม่าห์เรซ ได้บอลก่อนเลี้ยงจี๋เข้ากรอบจุดโทษก่อนหาจังหวะไหลให้ กาเบรียล เชซุส ตั้งเท้ายิงแม้กระนั้นบอลค่อยทำให้ แคสปอร์ ชไมเคิล ปัดไว้ได้ก่อนโดนสกัดออกไป
กลุ่มยอดเยี่ยมมาได้ประตูขึ้นนำนาที 22 จากจังหวะสวนกลับ ฮาร์วีย์ บรานส์ ดีดไซด์ก้อยให้ เจมี วาร์ดี้ แซง แฟร์นันดินโญ ก่อนสปีดเข้าจุดโทษแล้วยกบอลหนี เอแดร์ชอน เข้าประตู เลสเตอร์ ออกนำ 1-0
เลสเตอร์ แทบจะได้ประตูลำดับที่สองนาที 27 จากจังหวะสวนกลับ เจมส์ แมดดิสัน ดีดไซด์ก้อยให้ เจมี วาร์ดี้ หลุดลำพังเข้าจุดโทษก่อนโดนบีบให้เล่นมุมแคบ เลยตกลงใจยิงแต่ว่าบอลหลุดกรอบออกไป
เจ้าของบ้านได้ประตูตีเสมอนาที 30 เบนฌาแม็ง เมนดี้ วางบอลยาวให้ ริยาด ยักษ์เรซ เก็บบอลขอบเส้นก่อนลากตัดเข้าในล้นหลามดด้วยซ้าย บอลลื่นไถลบล็อค คักลาร์ โซยุยงนคู แปลงปากทางเข้าประตู หมดสิทธิ์สำหรับ แคสเปอร์ ชไมเคิล แมนฯสิตี้ ตีเสมอ 1-1
วิถีทางอีกครั้งของเจ้าถิ่นนาที 39 จากลูกยิงไกลนอกกรอบจุดลูกโทษของ เควิน เดอ บรอยน์ ได้กดด้วยขวาเหน่งๆถึงแม้ว่ายังไม่ผ่านเซฟ แคสเปอร์ ชไมเคิล
เจ้าของบ้านได้จุดลูกโทษนาที 41 จากจังหวะที่ ริคาร์โด้ เปเรย์รา แทง ราฮีม สเตอร์ลิง ล้มลงในกรอบจุดโทษ ไมค์ ดีน ชรี้เป็นจุดลูกโทษอย่างฉับพลัน รวมทั้งเป็น อิลคาย กุนโดกัน ฆ่าไม่พลาด แมนฯสิตี้นำ 2-1
ระยะหลัง เรือใบมาได้ประตูลำดับที่สามนาที 69 ไคล์ วอล์คเกอร์ ไหลบอลให้ เควิน เดอ บรอยน์ ลากบอลหลุดมาด้านขวามือก่อนเชือดไปเสาสองให้ กาเบรียล เชซุส ชาร์จจ่อๆไม่เหลือ แมนฯสิตี้นำ 3-1
จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ เลสเตอร์ สิตี้ 3-1 เก็บเพิ่มเป็น 38 คะแนนไล่จักจี้เลสเตอร์ สิตี้ที่มี 39 คะแนน ยังรักษาความหวังสำหรับการลุ้นแชมป์ถัดไป
หล่อส่งท้ายปี! ลูกาเรายิง 2 จ่าย 1 อินเตอร์อัดเจนัว 4-0
ศูนย์หน้าชาวเบลเยียมยิง 2 จ่าย 1 พางูใหญ่เก็บชัยเหนือรอสโซบลูส่งท้ายปี 2019
กัลโช เซเรีย อา 2019-2020 ประจำโปรแกรมอาทิตย์ที่ 17 เป็นการเจอกันระหว่าง อินเตอร์ มิลาน เปิดรังเหย้า จูเซ็ปกระเป๋า เมียซซา ต้อนรับการมาเลิศของ เจนัว
อันโตนิโอ คอนเต้ ที่ปรึกษาเจ้าของบ้าน เลือกจัดกองทัพมาในระบบ 3-5-2 ฝากความหวังในแนวรุกไว้ที่คู่แนวรุกอย่าง โรเมลู ลูกาเรา ซึ่งจะประสานงานร่วมกับ เซบาสเตียโน เอสโปสิโต้
ด้านกรุ๊ปเลิศของ ธิอาโก้ ม็อตต้า สมัยโบราณแข้งงูใหญ่ชุดสามแชมป์เมื่อปี 2010 มาในแผน 3-5-2 ด้วยเหมือนกัน โดยใช้กองหน้าเป็น อันเดรีย ปินามอนว่ากล่าว จับคู่กับ อันโตนิโอ ซานาเบรีย
เริ่มเกมมาเป็นฝั่งของอินเตอร์ซึ่งตระเตรียมพังทลายประตูขึ้นนำ ในนาทีที่ 31 จากจังหวะที่ อันโตนิโอ คันเดรวา เปิดบอลทางกราบขวาเข้าจุดโทษให้ ลูกาฉัน โหม่งตุงตาข่าย ส่งให้งูใหญ่ออกนำ 1-0
ต่อมาแค่นาทีเดียวแค่นั้น เนรัซซูรีมาบวกลูกสองเพิ่มได้อีกอย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ ลูกาพวกเรา ไหลบอลให้ โรกางร์โต้ กายาร์ดินี ซัดด้วยขวาไปโดน อังเดร ราดู ผู้รักษาประตูเจนัวพุ่งปัดแล้วลูกก็ปลิ้นเข้าไป ช่วยปรับเจ้าของบ้านหนีห่างเป็น 2-0 ก่อนจะ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้
ระยะหลังอินเตอร์มาได้จุดลูกโทษ ในนาทีที่ 64 จากจังหวะที่ กายาร์ดินี ไปโดน เควิน อาฉันเดโล แทงสกัดล้มลงไป ซึ่งมิดฟิลด์ชาวโคลอมเบียของก็โดนใบเหลืองไปด้วย ก่อนที่จะเป็น เอสโปสิโต้ รับหน้าที่ฆ่าไม่พลาด ส่งให้งูใหญ่นำห่าง 3-0
ถัดมานาทีที่ 71 เนรัซซูรีมาบวกลูกสี่เพิ่มได้อีก จากจังหวะที่ คันเดรวา ไหลบอลให้ ลูกาข้า โชว์ท่าทางสับขาหลอกแนวรับคอยสโซบลูก่อนจะซัดด้วยซ้ายอย่างเฉียบคม ช่วยปรับให้เจ้าของบ้านทิ้งห่าง 4-0
แล้วต่อจากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้ในที่สุดจบเกมเป็นอินเตอร์ มิลานกระหน่ำไปกินขาดถึง 4-0 เก็บเพิ่มเป็น 42 แต้ม พอๆกับผู้นำฝูงยูเวนตุๆส แม้กระนั้นเฮดทูเฮดด้อยกว่า ทำให้ยังรั้งที่ 2 ส่วนเจัวจมอยู่ชั้น 19 รองในที่สุดของงตาราง มี 11 คะแนนดังเดิม"""